คุยกันเรื่องถ่ายภาพ http://worrasate.siam2web.com/

 การปรับตั้ง White Balance ในกล้องดิจิตอล

         การปรับตั้งค่าสมดุลย์สีขาวหรือเรียกกันว่าการตั้งค่า ไวท์บาลานซ์ (White Balance) เป็นส่วนสำคัญมากในการถ่ายภาพ เพราะภาพถ่ายจะให้ได้ภาพที่มีสีถูกต้องตามธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่นักถ่ายภาพทั้งหลายให้ความระมัดระวังและให้ความสำคัญมาก แม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีและโปรแกรมแก้ไขสีมีออกมาใช้กันเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าตั้งค่าความสมดุลย์ของสีให้ถูกต้องกับแหล่งกำเนิดแสงแล้วย่อมได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพดีกว่าภาพถ่ายที่ตั้งค่าความสมดุลของสีผิดแล้วมาแก้ไขในภายหลัง เพราะอย่าลืมว่าแม้จะแก้ไขสีให้ถูกต้องได้แต่คุณภาพของภาพถ่ายก็จะลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของโทนสีโดยรวมของภาพถ่าย เพราะแสงที่เราเห็นนั้นจะมีโทนสีที่ต่างกัน  นั่นหมายถึงว่าแหล่งกำเนิดแสงต่างๆ ที่มีอยู่นั้นจะมีโทนสีที่แตกต่างกัน แม้กระทั่งแสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาตั้งแต่เช้า - เย็นก็ยังแตกต่างกัน (หรือเฉพาะเวลามีแดด กับไม่มีแดดก็ได้) สภาพแสงที่แตกต่างกันเหล่านี้ทางการถ่ายภาพเราเรียกว่า “ อุณหภูมิสีของแสง ” มีหน่วยวัดเป็นองศาเคลวิน หรือ Kelvin = K)       

                อุณหภูมิสีของแสงคือเฉดสีที่จะแสดงออกมา ซึ่งจะส่งผลกับการมองเห็นวัตถุต่างๆ ของเรา  เช่นในเวลากลางคืนหากอยู่ในห้องมืดๆ แล้วจุดเทียนไขขึ้นมาเล่มหนึ่ง  ให้แสงเทียนส่องไปที่ใบหน้าของผู้ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ใบหน้านั้นจะมีสี อมส้มเหลือง  คล้าย ๆ กับการนั่งอยู่ในห้องอาหารที่เปิดไฟหลอดไส้สลัวๆ ซึ่งใบหน้าทุกคนจะมีโทนสี อมส้มเหลือง  รวมไปถึงวัตถุอื่นๆ ในห้องด้วย  แต่หากเป็นห้องอาหารที่เปิดไฟหลอดนีออนทั่วไปโทนสีของใบหน้าและวัตถุต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนไป   ในขณะเดียวกันในเวลาที่อยู่บริเวณกลางแจ้ง หากลองสังเกตดูใบไม้เวลาที่ท้องฟ้ามีเมฆมากเราจะเห็นใบไม้เป็นสีเขียวทึม ๆ แต่ถ้ามีแสงแดดส่องกระทบใบไม้จะมีสีที่สว่างขึ้น    ที่จริงโทนสีของสิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นในชีวิตประจำวันในแต่ละสถานที่  แม้กระทั่งในบ้าน ในห้องต่าง ๆ ซึ่งใช้แหล่งกำเนิดแสงที่ต่างกันนั้น  จะมีความแตกต่างกันมากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่แหล่งกำเนิดแสงนั้น ๆ  แต่เนื่องจากคนเรามีความคุ้นเคยหรือมีความจำเจกับสิ่งที่เรามองอยู่ประจำทุกวัน  ทำให้เราตัดความแตกต่างเหล่านั้นออกไป  แต่เมื่อเราบันทึกภาพด้วยฟิล์มหรือกล้องดิจิตอลนั้น   ปัญหาของโทนสีที่แตกต่างเหล่านี้จะแสดงผลออกมาอย่างชัดเจนทีเดียว

          ในอดีตที่การถ่ายภาพยังใช้ฟิล์มในการบันทึกภาพ  เราจะคุ้นเคยกันดีกับภาพที่มีสีอมเขียว-ฟ้าเมื่อถ่ายภาพในห้องที่ใช้แสงไฟนีออน  หรือเวลาที่เราถ่ายภาพตอนเช้าสีของภาพถ่ายจะดูทึม ๆ อมน้ำเงินหน่อยๆ  หรือเวลาถ่ายภาพในโรงแรมหรืองานเลี้ยงที่โทนสีโดยรวมจะเป็นสีอมส้มเหลือง    สำหรับผู้ที่ไม่ใช่นักถ่ายภาพคงไม่สนใจกับสีที่ผิดเปลี่ยนไปและไม่สนใจที่จะหาฟิลเตอร์มาใส่หน้าเลนส์เพื่อช่วยแก้ไขความเพี้ยนสีเหล่านี้  ในขณะที่นักถ่ายภาพจะต้องใช้ฟิลเตอร์เข้าช่วยในการแก้ไขให้โทนสีที่เพี้ยนเหล่านี้ให้มีสีถูกต้อง แต่นักถ่ายภาพระดับมืออาชีพที่พิถีพิถันกับคุณภาพของสี จะมีกล้องถ่ายภาพ 2 ตัว เพื่อบรรจุฟิล์มถ่ายภาพที่ใช้แหล่งกำเนิดแสงแตกต่างกัน เพื่อถ่ายภาพในเหตุการณ์นั้น ๆ  สำหรับกล้องดิจิตอลเนื่องจากไม่มีการกำหนดค่าสีขาวมาตรฐานไว้เหมือนฟิล์มถ่ายภาพที่เราใช้กันอยู่ทั่วไป  ทำให้มีข้อแตกต่าง เนื่องจากกระบวนการที่ใช้ในการผลิตภาพมีความแตกต่างกันออกไป   การใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลข้อมูลภาพ  ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าแหล่งกำเนิดแสงที่เราบันทึกภาพนั้นมีลักษณะเป็นเช่นไร   เพื่อให้กล้องคำนวณค่าสีได้อย่างถูกต้อง  เหมือนกับการใช้ฟิลเตอร์เข้าช่วยในการแก้ไขโทนสี   ฟังชั่นนี้จึงถือเป็นข้อได้เปรียบของกล้องดิจิตอลที่เหนือกว่าฟิล์ม   แต่เนื่องจากการเลือกปรับค่าสมดุลย์สีขาวหรือ White Balance จะมีผลต่อโทนสีโดยรวมของภาพ  การเลือกใช้ฟิลเตอร์ที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดสีเพี้ยนที่อาจทำให้ภาพถ่ายดูแย่กว่าปกติได้   (ซึ่งบางครั้งก็ยากต่อการแก้ไขแม้จะใช้โปรแกรมตกแต่งภาพช่วย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาพถ่ายที่บันทึกมาจากแหล่งกำเนิดแสงที่แตกต่างกันอยู่ในภาพ ๆ เดียว)

            ระบบ White Balance ในกล้องดิจิตอลจะทำหน้าที่แทนฟิลเตอร์เพื่อให้ได้สีที่เป็นธรรมชาติที่สุดภายใต้แหล่งกำเนิดแสงที่แตกต่างกัน  เป็นหมวดกว้าง ๆ ทั้งนี้ความละเอียดในระดับการปรับตั้งค่า White Balance ที่สามารถตั้งได้จึงมีความสำคัญพอสมควร  กล้องในระดับคอมแพคทั่วๆ ไปจะตั้งค่ามาตรฐานให้  ในขณะที่กล้องระดับมืออาชีพจะให้เลือกปรับตั้งเป็นองศาเคลวินเอง (นักถ่ายภาพระดับมืออาชีพจะรู้ค่าอุณหภูมิสีในแหล่งกำเนิดแสงแต่ละชนิด สามารถตั้งค่าตัวเลขได้อย่างแม่นยำ) หรือมีการปรับชดเชยค่า White Balance ให้มีระดับความเข้มที่แตกต่างกันออกไปได้ (ต้องทดลองใช้ดูว่าแต่ละระดับมีความแตกต่างกันเพียงใด) สำหรับในค่ามาตรฐานที่กล้องให้มานั้นมีหลักการคำนวณพื้นฐานที่ใกล้เคียงกัน  ขึ้นอยู่กับความแม่นยำซึ่งแตกต่างกันออกไปตามยี่ห้อ -  รุ่น ซึ่งข้อแตกต่างนี้จะเด่นชัดมากหากเลือกใช้ฟังชั่น White Balance ให้เป็นแบบอัตโนมัติ)ค่ามาตรฐานของ White Balance ที่มีให้เลือกใช้ในกล้องทั่วๆ ไป (แล้วแต่ผู้ผลิตกล้องแต่ละแบรนด์เนม จะมีระดับของค่า White Balance มากน้อยแตกต่างกัน) จะแบ่งออกได้ดังนี้

 Auto White Balance (whitebalan) 20091021_37434.jpg    (whitebalan) 20091021_37506.jpg

       เป็นการปรับเลือกแบบอัตโนมัติโดยกล้องจะมีระบบวิเคราะห์จากโทนสีโดยรวมของภาพเพื่อทำการตั้งค่าแสงให้อัตโนมัติเพื่อความสะดวกในการใช้งาน   การตั้งค่าอัตโนมัติแบบนี้ ทำให้ใช้งานง่ายไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกปรับเปลี่ยนบ่อย ๆ  แต่เนื่องจากการวิเคราะห์ค่าแสงเป็นสิ่งที่มีการเตรียมข้อมูลไว้ล่วงหน้าตามเกณฑ์กว้างๆ ดังนั้นหากภาพที่เราต้องการบันทึกมีโทนสีโดยรวมอมไปทางใดทางหนึ่งเช่นภาพของป่าไม้  ทุ่งหญ้า  สระว่ายน้ำ  หรือแม้กระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก   ก็อาจทำให้การวิเคราะห์ผิดเพี้ยนไปได้    การตั้งค่า White Balance แบบอัตโนมัติจะให้ผลค่อนข้างดีหากเป็นการถ่ายภาพกลางแจ้ง หรือถ่ายภาพในร่ม  แต่จะไม่ค่อยดีนักหากเป็นการถ่ายภายใต้แสงไฟนีออนหรือไฟหลอดไส้  (สำหรับกล้องบางรุ่น)

Daylight, Sunny   (whitebalan) 20091021_37402.jpg     (whitebalan) 20091021_37543.jpg

          เป็นการปรับสมดุลย์สีของแสงสำหรับการถ่ายภาพกลางแจ้ง หรือในเวลาที่มีแดดจ้า   สภาพแสงจะใกล้เคียงกับสีขาวมากที่สุด  โดยที่อุณหภูมิสีของแสงในการตั้งค่าล่วงหน้าของกล้องจะอยู่ที่ประมาณ 5000 - 6000 องศาเคลวิน   การเลือกค่า White Balance ในลักษณะนี้จะใกล้เคียงกับภาพถ่ายที่ได้จากการบันทึกภาพด้วยฟิล์ม

Shade(whitebalan) 20091021_37224.jpg   , Cloudy  (whitebalan) 20091021_37370.jpg    (whitebalan) 20091021_37570.jpg

     Shade เป็นไวท์บาลานซ์เพื่อใช้ถ่ายภาพใต้ร่มเงา เช่น ร่มไม้ ใต้ชายคา ส่วน Cloudy เป็นการปรับสมดุลย์สีของแสงสำหรับการถ่ายภาพกลางแจ้งแต่สภาพท้องฟ้าค่อนข้างครึ้ม ไม่มีแดดหรือมีเมฆมาก เพื่อช่วยลดโทนสีน้ำเงินออกจากภาพไปบ้าง โดยทั่วไปจะทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ไม่ค่อยเห็นผลแตกต่างจากการเลือกปรับแบบ daylight หรือ auto เท่าไรนัก   สำหรับกล้องคอมแพคส่วนใหญ่แล้วการถ่ายภาพในร่ม shade หรือ เมฆมาก cloudy  จะอยู่ด้วยกันคือใช้  cloudy (กล้องดิจิตอลคอมแพคที่ผู้เขียนใช้ถ่ายภาพก็มีเพียง cloudy เท่านั้น) แต่สำหรับกล้องระดับสูงหน่อย  อาจมีแยกให้เลือก ทั้ง shade และ cloudy  ซึ่งในกรณีนี้ค่าของ shade จะใช้ถ่ายภาพในกรณีที่มีความครึ้มโดยรวมมากกว่า   เมื่อเลือกที่ shade ค่าของสีน้ำเงินจะถูกตัดทอนให้ลดลงมากกว่า cloudy (อุณหภูมิสีของแสงสูงกว่า cloudy , shade จะมีอุณหภูมิสีของแสง 7000 องศาเคลวิน, เมฆจะมีอุณหภูมิสีของแสง 6000 องศาเคลวิน  

Incandescent, Tungsten  (whitebalan) 20091021_37343.jpg    (whitebalan) 20091021_37595.jpg

         เป็นการปรับสมดุลย์สีของแสงสำหรับการถ่ายภาพภายใต้แหล่งกำเนิดแสงที่มีสีอมส้มเหลืองมาก  เพื่อลดโทนสีส้ม-เหลืองออกไป  แต่หากใช้ผิดพลาดภาพจะออกมาอมน้ำเงินดูหลอกตาที่สุด  การเลือกใช้จึงควรระวัง  เพราะในบางกรณีที่สภาพแหล่งกำเนิดแสงไม่ได้เพี้ยนมากนัก  การเลือกใช้ white balance ตัวอื่นอาจให้ค่าที่เหมาะสมกว่า (ควรสังเกตสีของวัตถุที่อยู่ภายในบริเวณห้องที่มีไฟแบบนี้ ถ้ามีสีอมส้มเหลือ ก็ควรเลือกค่า White Balance Incandescent, Tungsten เพื่อให้ภาพถ่ายมีสีถูกต้อง)

Fluorescent  (whitebalan) 20091021_40074.jpg 

           เป็นการปรับสมดุลย์สีของแสงสำหรับการถ่ายภาพภายใต้แสงไฟนีออน  ซึ่งจะให้สีอมเขียว  จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทหลอดด้วย   หลอด fluorescent ไม่มีอุณหภูมิสีที่แน่นอน  ดังนั้นการตั้งค่าจึงออกจะเป็นกลางๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทของหลอดไฟเองก็มีหลายแบบ ทั้ง Warm White, Daylight, Cool White   ซึ่งกล้องที่มีให้เลือกมากชนิดแบบนี้บางครั้งการเลือกตั้งค่าก็ค่อนข้างสับสน  ทางที่ดีควรดูก่อนว่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ตัวไหนให้เฉดสีที่ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด  กล้องดิจิตอลบางรุ่นจะแยกประเภทหลอดไฟนีออนมาให้เลือกได้อีก ในกล้องดิจิตอลคอมแพคที่ผู้เขียนใช้จะมีรายละเอียดชนิดของหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ให้เลือกทั้ง 3 ชนิด เป็นหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ 1 คือหลอดไฟที่ใช้ตามบ้านเป็นส่วนใหญ่ หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ 2 คือหลอดไฟที่ใช้ในโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือ และหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ 3 คือหลอดไฟที่ใช้ภายในสำนักงานจึงควรทำความเข้าใจก่อนว่าหลอดไหนสำหรับโทนสีอะไร  เพื่อกันความผิดพลาด  แต่ข้อดีของกล้องดิจิตอลคือการมองเห็นภาพทันทีดังนั้นหากตั้งค่าผิดคงไม่ยากเกินไปที่จะแก้ไข  หรือในกล้องบางรุ่นมีระบบถ่ายภาพ white balance คร่อมไว้ได้ก็ยิ่งมีประโยชน์มากยิ่งขึ้น  

(whitebalan) 20091021_37311.jpg  (whitebalan) 20091021_37621.jpg    (whitebalan) 20091021_37274.jpg  (whitebalan) 20091021_37642.jpg   (whitebalan) 20091021_37249.jpg (whitebalan) 20091021_37666.jpg

Custom White Balance    (whitebalan) 20091021_37200.jpg

        Custom White Balance เป็นการปรับความสมดุลย์สีของแสงตามสภาพแสงที่ถ่ายจริงในขณะบันทึกภาพ  ซึ่งผู้ใช้จะต้องกำหนดเอง  หากทำได้ถูกต้องก็จะให้ผลค่อนข้างแม่นยำ  แต่หากผิดแล้วสีอาจเพี้ยนไปได้มาก   หลักสำคัญคือเวลาตั้งค่าต้องทำภายใต้แสงที่จะถ่ายจริงคือวัดแสงจากตรงตำแหน่งที่จะถ่ายเป็นหลัก   การตั้งค่าค่อนข้างจะเหมือนกันคือให้ถ่ายภาพกระดาษสีขาวโดยซูมให้เต็มเฟรมภาพ  ที่สำคัญคือตำแหน่งของกระดาษจะต้องอยู่ที่ตำแหน่งของการถ่ายภาพจริง ๆ เท่านั้น แล้วเราจะได้ค่า White Balance ที่ถูกต้องในการถ่ายภาพ ๆ นั้น   ในขณะที่กล้องบางรุ่นจะมีการปรับค่า white balance เป็นองศาเคลวินมาให้ผู้ใช้เลือกเอง ซึ่งในส่วนนี้ผู้ใช้คงต้องแม่นกับอุณหภูมิสีของแสงพอสมควร  หรืออาจใช้เป็นลูกเล่นในการแต่งสีภาพเหมือนกับการใช้ฟิลเตอร์เติมสีสันให้กับภาพก็สามารถทำได้ เมื่ออ่านแล้วบางท่านอาจจะคิดว่าทำไมยุ่งยากมากนัก ซึ่งที่จริงแล้ว Custom White Balance ในกล้องคอมแพคส่วนใหญ่จะไม่มี กล้องดิจิตอลคอมแพคที่ผู้เขียนใช้อยู่ก็ไม่มี Custom White Balance ก็ไม่มีปัญหาในการถ่ายภาพ จึงไม่มีภาพถ่ายมาแสดงให้เห็น จะมีเพียงในกล้อง DSLR ทั้งระดับมือสมัครเล่นและระดับมืออาชีพ

Flash  (whitebalan) 20091021_37141.jpg

           Flash ใช้ในกรณีเปิดไฟแฟลชเป็นแสงหลักในการถ่ายภาพ โดยทั่วไปเป็นที่ทราบกันดีว่าการใช้ไฟแฟลชถ่ายภาพ เมื่อถ่ายภาพในสถานที่แสงสว่างไม่เพียงพอ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่มีความสว่างไม่ดำมืด หรือใช้ไฟแฟลชเพื่อเป็นไฟเสริมในเทคนิคของการถ่ายภาพ อีกทั้งกล้องถ่ายภาพบางยี่ห้อโดยเฉพาะกล้องดิจิตอลคอมแพค ไม่ได้ระบุไว้ในโหมด White Balance แต่ในกล้อง DSLR ทั้งระดับมือสมัครเล่นและระดับมืออาชีพ ส่วนใหญ่จะแสดงไว้ให้เห็นในโหมด  White Balance ว่าไฟแฟลชเป็นฟิลเตอร์แก้ไขสีของภาพถ่ายอีกชนิดหนึ่ง

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 17,473 Today: 3 PageView/Month: 16

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...